
ดอกกุหลาบแห่งรักอันยิ่งใหญ่..ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ (Bhubing Palace) ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ อ. เมือง จ. เชียงใหม่ เป็นพระตำหนักที่ประทับในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงเยี่ยมเยียนราษฏรในเขตภาคเหนือ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใช้เป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะที่เสด็จฯ เยือนประเทศไทย ซึ่งแต่เดิมจะประทับรับรองแต่ในพระนครหลวงเท่านั้น โดยพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2504 ในครั้งแรกได้ก่อสร้างเฉพาะองค์พระตำหนักที่ประทับ และเรือนรับรองเท่านั้น ส่วนอาคารอื่นๆ ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมในภายหลัง
บริเวณรอบๆ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์มีการปลูก วิจัย และขยายพันธุ์ดอกกุหลาบมากกว่าสองร้อยสายพันธุ์และดอกไม้นานาพันธุ์อย่างสวยงาม หากมีการเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับที่พระตำหนักภูพิงค์ฯ ก็มิได้เปิดให้เข้าชม หากช่วงใดไม่ได้มีการประทับ พระองค์ก็ทรงพระกรุณาฯ อนุญาตเปิดให้พสกนิกรได้เข้าศึกษาและชมความงดงามของสวนดอกไม้บนพระตำหนักได้ในบางช่วง ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง ระยะหลังที่พระองค์ท่านไม่ได้เสด็จมาเชียงใหม่อีก จึงได้มีการปิดพระตำหนักภูพิงค์ฯ และไม่ได้เปิดให้ชมมานานแล้ว
นับเป็นโชคดีอย่างมากของฉันและเพื่อนๆ ที่ได้มาเชียงใหม่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และเพิ่งมาทราบเมื่อถึงที่เชียงใหม่ว่า ช่วงนี้พระตำหนักภูพิงค์ฯ เปิดให้ชมพอดี พวกเราจึงได้มีโอกาสเข้าชมพระตำหนักภูพิงค์ฯ ซึ่งหาโอกาสได้ยาก
ในโอกาสวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2556 นี้..ฉันจึงขออนุญาตนำดอกกุหลาบแห่งรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ท่านทั้งสอง “พ่อหลวง” และ “แม่หลวง” แห่งแผ่นดินไทยทรงมีต่อพสกนิกรไทยทุกคนรวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย.. จากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์มามอบให้เพื่อนๆ ทุกท่านได้ชมนะคะ

พระตำหนักภูพิงราชนิเวศน์ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ ไปทางเดียวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพ โดยมีระยะทางจากเชิงดอยขึ้นไป 13 กิโลเมตร จะผ่านวัดพระธาตุดอยสุเทพขึ้นไปอีก 3 กิโลเมตร ก็จะถึงพระตำหนักภูพิงค์ฯ เปิดทำการทุกวัน รอบเช้าเวลา 08.30 – 11.30 น. รอบบ่าย เวลา 13.00-15.30 น. โทร. 0-5322-3065 หรือ 0-5321-9932 ต่อ 110,115 (กรุณาแต่งกายสุภาพ) งดการเข้าชมระหว่างเสด็จแปรพระราชฐาน (ขอขอบคุณข้อมูลจากแผ่นพับพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ Bhubing Palace ค่ะ)

คณะของเราได้รับอนุญาตให้นำรถเข้าไปจอดด้านใน..มีรถกอล์ฟบริการให้นั่งชมสวน แต่พวกเราขอเดินชมได้บรรยากาศกว่า

เมื่อย่างก้าวเข้าถึงบริเวณสวน ต้องตะลึงในความงามของดอกกุหลาบหลายสายพันธุ์ ..งดงามมาก ดอกใหญ่มาก

มีแปลงทดลองดอกผสม..คิดค้น วิจัย ปลูกเองที่นี่ หลายสายพันธุ์มาก จำไม่หมดค่ะ แต่ทุกดอกสวยมากๆ


เรือนรับรอง...เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างแบบไทยประยุกต์ ใช้เป็นที่พักของพระราชอาคันตุกะและข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ ที่ตามเสด็จฯ นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่รับรองแขกในระหว่างที่รอเข้าเฝ้าฯ หรือรอเข้าร่วมงานพระราชทานเลี้ยง

เราถ่ายแต่ภาพเรือนรับรอง (เพราะช่วงนี้พระตำหนักกำลังอยู่ระหว่างซ่อมแซมก่อสร้าง มีผ้ายางปิดไว้)
ขอนำดอกกุหลาบมาฝากเพื่อนๆ นะคะ ฉันคิดถึงพระองค์ท่านทั้งสองมากๆ พ่อหลวงและแม่หลวง อยากให้ท่านได้กลิ่นหอมของกุหลาบจากที่พระตำหนักภูพิงค์ฯ โชยกลิ่นไปยังทั้งสองพระองค์จังเลย ในวันแห่งความรักนี้...เรารักในหลวงและเรารักพระราชินีค่ะ




โอ้..กุหลาบสีม่วง แปลกดีจัง สวยมาก






หรือจะเป็นช่อๆ อย่างนี้ ละลานตา


แม้แต่ผู้ชายยังอดใจที่จะดมกลิ่นไม่ได้

ฮืม..ห้อม หอม..ดอกอะไรเนี่ย

เอ้อ..หอมจริงๆ ด้วย ดอกอะไรเนี่ย

ช่อนี้..เจ้าหญิงโปรดมากที่สุด..โอ้ยังมีอีกเยอะที่ชอบที่สุด ช่อนี้มอบให้ตัวเอง

กุหลาบพันธุ์บ้านๆ โบราณแบบนี้ หอมมาก ชอบมาก ..มอบให้บล็อกเกอร์ยามเสาร์

มอบให้ชบาตานี

โอ้ ดอกกุหลาบนี้สวยมาก ชอบมากที่สุด (อีกแหละ)..ชื่อ กุหลาบพระจุลจอมเกล้า..คิดว่าจำไม่ผิดนะคะ

มอบให้ชายสามหยด ..เอ๊ะ หรือว่า มอบให้นรอง ดีนะ

โอ้พระเจ้า..ปลูกเต็ม ทั่วทั้งเนินเขาเช่นนี้ หัวใจไม่ละลายได้ไง สวยไปหมด ที่ตารางนิ้ว

บนดอยอากาศเย็นๆ ..ยืนบังดอกไม้หมดเลย อดใจไม่ได้หรอก ท่ามกลางดอกไม้อย่างนี้ เป็นใครก็ต้องอยากถ่ายรูป

มีสวนดอกกุหลาบทั่วไปหมด จัดอย่างสวยงาม

กุหลาบชื่อพระจุลจอมเกล้า สวยมากค่ะ

ช่อนี้..มอบคนปทุมรักสุขภาพ

เดินมาถึงอีกสวน โอ้ ทำไมสวยหยั่งงี้

ดอกกุหลาบต้นนี้ ..ต้องดม..ทุกคน..เพราะกลิ่นหอมของต้นนี้..คือกลิ่นเดียวกับน้ำหอมดัง Channel No. 5

ผมขอดมพิสูจน์ด้วยคน..ฮืม..กลิ่น Channel No. 5 จริงๆ ด้วย ใครไม่เชื่อมาดมดูได้เลยครับ

ถ่ายรูปท่ามกลางดอกไม้กับเจ้าหน้าที่ของพระตำหนักฯ ที่กรุณาทำหน้าที่บรรยายให้พวกเราฟังเป็นภาษาอังกฤษ
ขอขอบพระคุณมากค่ะ แต่จำไม่หมด เพราะมัวแต่ละลานตา ละลานใจกับดอกไม้ โดยเฉพาะกุหลาบสวยๆ

ขอนั่งชม..อากาศเย็นๆ หน้าเรือนรับรอง ลองนึกภาพเวลาที่มีงานรับรองจะสวยงามเพียงใด

อยากเก็บภาพกับกุหลาบเมืองไทยแห่งพระตำหนักภูพิงค์ฯ

ดอกไม้ทั้งเนิน ใครจะอดใจได้

ให้เห็นเนินสวนดอกไม้ทั้งหมด

เราเดินขึ้นไปบนเนินเขาด้านบน..

บนเนินเขาตรงนี้.."เรือนพลับพลาผาหมอนและสวนเฟิน" เป็นเนินเขาเตี้ยๆ แต่เดิมปลูกต้นไม้แบบสวนป่าธรรมชาติ มีกระท่อมแบบชาวเขา สร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงแฝก ใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบท และเสวยพระกระยาหารในบางครั้ง ต่อมาไ้ด้มีการสร้างพลับพลาที่ประทับทำด้วยไม้สักทองแทนกระท่อมชาวเขา

ส่วนที่เป็นสวนเฟินธรรมชาติ รอบผ่าหมอนได้เริ่มดำเนินงานเมื่อ พ.ศ. 2536 โดยมีการนำเอาต้นเฟินชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาออกแบบตกแต่งใหม่ให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด ต้นเฟินหลายต้นที่ปลูกในบริเวณนี้ประมาณว่ามีอายุระหว่าง 60-100 ปี ซึ่งเป็นเฟินพวกกูดต้น Tree ferns วงศ์ Cyatheceae

ดอกกระหล่ำสีม่วงเขียว


สวนสวย ด้วยดอกกระหล่ำสีขาว ม่วง

ดอกไม้ือื่นๆ ที่ปลูกสลับกันอย่างลงตัว





อดใจไม่ได้ ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ ในวันแห่งความรัก 14 ก.พ. วันวาเลนไทน์..ปีนี้นะคะ แล้วอย่าลืมมาเที่ยวพระตำหนักภูพิงค์ฯ นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น